แสนสิริ สนับสนุน Live Equally เราเท่ากัน แสดงความยินดี สมรสเท่าเทียม
นายสมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริ ขอร่วมแสดงความยินดีกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประเทศไทย ที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม สะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนที่รอคอยการแก้ไขกฎหมาย และต้องการเห็นความเท่าเทียมและเสมอภาคในสังคมไทย และเมื่อกฎหมายดังกล่าวมีการบังคับใช้ในไทยจะทำให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้ตามกฎหมาย และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการได้รับสิทธิและเสรีภาพในการแต่งงานเหมือนกับคนรักกันทั่วไปที่พึงได้รับ เช่นเดียวกับต่างประเทศที่ได้ออกกฎหมายสมรสของคนเพศเดียวกันกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
สำหรับแสนสิริ เราเป็นองค์กรที่สนับสนุนและเคารพในความเท่าเทียม และความหลากหลายมาอย่างต่อเนื่อง ใส่ใจและให้คุณค่ากับทุกความแตกต่างของทุกชีวิต ผ่านนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม เราเป็นบริษัทแรกในไทย และเป็น 1 ใน 200 บริษัทชั้นนำทั่วโลก ที่ลงนามกับ UN Global Standards of Conduct for Business หรือมาตรฐานข้อปฏิบัติ ทางธุรกิจขององค์การสหประชาชาติ (UN) เขียนขึ้นโดยสำนักงานของข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (Offices of the United Nations High Commissioner for Human Rights-OHCHR) เพื่อสนับสนุน ความเท่าเทียมในสังคม ลดการแบ่งแยก โดยมีเป้าหมายเพื่อรณรงค์ 5 ข้อ ได้แก่ 1. การเคารพสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBTQIA+ ในทุกการดำเนินการและความสัมพันธ์ทางธุรกิจ 2. ขจัดการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบที่มีต่อพนักงานที่เป็น LGBTQIA+
ในสถานที่ทำงาน 3. ให้การสนับสนุนเชิงรุกแก่พนักงานที่เป็น LGBTQIA+ โดยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวก สร้างความเชื่อมั่น ซึ่งช่วยให้พนักงานทุกท่านทำงานร่วมกันได้อย่างมีเกียรติ 4. ป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งอาจเกิดจากการกีดกันต่อลูกค้า คู่สัญญา คู่ค้า รวมถึงบุคคลอื่นๆ และ 5. ผลักดันประเด็นเรื่องความเท่าเทียมอย่างเป็นสาธารณะ ซึ่งอาจรวมไปถึงการรณรงค์ในที่สาธารณะ สนับสนุนให้เกิดข้อตกลงการปฏิบัติร่วมกัน กระตุ้นให้เกิดการพูดคุยในสังคม หรือการให้ความสนับสนุนทางการเงินหรือปัจจัยต่างๆ ต่อองค์กรที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBTQIA+
ตลอดจนสนับสนุนให้พนักทุกคนสัมผัสได้ถึงความเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ เช่น การเข้าถึงผู้บริหารระดับสูงได้อย่างเป็นกันเอง เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโต และยังมีโครงการอบรมเพื่อให้พนักงานได้เข้าใจข้อปฏิบัติเพื่อความไม่แบ่งแยก ภายในองค์กรมีการออกแบบที่เป็น Universal Design มีทางลาดสำหรับคนพิการ มีห้องละหมาด ห้องให้นมบุตร มีพนักงานหลากเชื้อชาติ รวมทั้งมีห้องน้ำรองรับผู้มีความหลากหลายทางเพศที่สำนักงานใหญ่
นอกจากนี้ ยังได้มอบสวัสดิการสำหรับพนักงานที่มีความหลากหลายในองค์กร อาทิ การลาผ่าตัดแปลงเพศไม่เกิน 30 วันต่อปี, ลาสมรส ไม่เกิน 6 วันต่อปี นอกจากนี้ สวัสดิการยังครอบคลุมไปถึงคู่ชีวิตของพนักงาน อาทิ วัคซีนทางเลือก ประกันสุขภาพอีกด้วย สำหรับการดำเนินงานแสนสิริในด้าน Live Equally...เราเท่ากัน นี้ จะมีส่วนช่วยจุดประกายให้ภาคส่วนต่างๆ ผลักดันความเท่าเทียมจากในองค์กร เพื่อสังคมไทยที่มีความเท่าเทียมกันในทุกมิติ
สำหรับลูกค้า ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เราสนับสนุนให้ทุกคนสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยได้ผลักดันเรื่องการกู้ร่วมของกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งปัจจุบัน
ได้รับความร่วมมือจากธนาคารพันธมิตร 8 แห่ง ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารทีเอ็มบีธนชาติ และธนาคารยูโอบี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสนับสนุนความเท่าเทียม ส่งผลให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อ และในขณะเดียวกันธนาคารพันธมิตรของเราก็ได้ขยายธุรกิจ
”ยังมีผู้คนในสังคมอีกมาก ที่ต้องอาศัยอยู่ในช่องว่างแห่งความเหลื่อมล้ำ เพราะขาดโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง แสนสิริ มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสร้างสังคมสู่ความเท่าเทียมที่แท้จริง และร่วม จุดประกายให้คนในสังคม ยินดีที่จะเสียสละบางอย่าง เพื่อมอบโอกาสให้กับคนที่ยังขาด ให้สามารถใช้ชีวิต
อยู่ได้อย่างมีความสุขเช่นกัน” ” นายสมัชชา กล่าว
Note to Editor: ข้อมุลของ LGBT Capital ระบุว่า ก่อนโควิด-19 มูลค่าการใช้จ่ายของกลุ่ม LGBT ทั่วโลกอยู่ที่ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 135 ล้านล้านบาท ซึ่งไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวจากกลุ่มนี้อยู่ที่ราว 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.26 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง คาดว่ามีความมั่งคั่งอยู่ที่ 23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ซึ่งนับเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีกำลังซื้อสูง